หลายคนเข้าใจว่าเกิดมาทุกคนต้องป่วย ในปีๆหนึ่งก็จะมีคนบอกว่าฉันต้องเป็นหวัดทุกปี ปีละ2ครั้ง หน้าหนาวผมต้องเป็นผื่น หน้าร้อนฉันต้องเป็นสิว ในความเป็นจริงแล้วมีคนศึกษาและพิสูจน์มากมายว่าคนเราไม่จำเป็นต้องป่วย ร่างกายของเราสามารถเยียวยารักษาตัวเองได้ เช่นถูกมีดบาด ยาอะไรทำให้แผลติดกัน ความจริงแล้วไม่จำเป็นต้องใช้ยา ถ้าเราดูแลแผลไม่ให้ติดเชื้อหรือเชื้อโรคเข้าไปได้ ไม่เกิน7วันแผลก็ติดกันได้เอง คุณว่าจริงมั้ย ทิงเจอร์ ยาใส่แผล หรือแม้กระทั่งไหมเย็บก็ไม่ใช่ตัวการสำคัญที่ทำให้แผลติด
งั้นเราลองหันกลับมาดูตัวเองกันบ้างว่าที่เราป่วย มันเป็นเพราะอะไรกันแน่ โดยส่วนตัวของผู้เขียนเป็นหมอแผนปัจจุบัน หลังจากจบแพทย์แล้วก็ทำงานในคลินิคของตนเอง ในขณะที่เพื่อนๆส่วนใหญ่เรียนต่อเพื่อเป็นแพทย์เฉพาะทาง ส่วนเหตุผลของตัวเองที่ไม่เรียนต่อเพราะไม่รู้จะเป็นหมออะไรเพราะจบมาก็เป็นหมอแล้วส่วนเหตุผลสำคัญที่ไม่ทำงานอยู่ในโรงพยาบาลก็เพราะอดนอนไม่ได้ หมอส่วนใหญ่ที่อยู่ในรพ.ไม่ว่าของรัฐหรือเอกชน มีความสามารถพิเศษอย่างหนึ่งคืออดนอนได้ ไม่ต้องนอนก็ทำงานได้ แต่เราทำไม่ได้ ก็เลยต้องมารักษาคนไข้ในคลินิกซึ่งกำหนดเวลาเปิดปิดได้เอง ทำงานเหมือนคนอื่นๆเค้า ที่เย็นก็กลับบ้าน ทานข้าวกับครอบครัวแล้วก็นอนไม่เกิน4-5ทุ่ม หลังจากรักษาคนไข้มาประมาณ20กว่าปี ก็ค้นพบความจริงในการรักษาคนไข้อยู่หลายประการ คือ
1.คนไข้กินยาพร่ำเพรื่อเกินความจำเป็นหรือเปล่า ลองถามตัวเองกับคนรอบข้างว่าถ้าเป็นไข้ทำอย่างไร ทุกคนจะตอบว่ากินพารา(paracetamol)หรือบางครั้งก็มียาอื่นๆอีกหลายขนาน บางคนก็กินทุกขนานเลยไข้จะได้ลงเร็วๆ มีวิธีอื่นที่ดีกว่ามั้ยนอกจากการกินยาหรือวัฒนธรรมบ้านเราเป็นแบบนี้ บางทีมาหาหมอก็ถือยามาถุงใหญ่ ได้มาจากอนามัย โรงพยาบาล หรือซื้อมาเอง เยอะกว่าที่หมอมีที่คลินิคเสียอีก!
2.ไม่ค่อยมีใครพูดถึงพฤติกรรมผิดๆที่ก่อให้เกิดโรคต่างๆโดยเฉพาะโรคเรื้อรังที่ไม่ติดเชื้อ เช่นการอดนอนหรือนอนดึก การกินอาหารประเภทแป้งหรือน้ำตาลมากเกินไป การไม่ออกกำลังกาย นั่งทำงานนานเกินไป ยืนขายของมากเกินไป ปวดหลังปวดเอว เป็นๆหายๆตลอด ซื้อยากินเองเพื่อให้หายปวด เสร็จแล้วก็ไปยืนขายของเหมือนเดิม หนักเข้าก็ยืนไม่ไหว กลายเป็นกระดูกทับเส้นเส้นตึง ต้องนอนรพ. บางคนถึงกลับจะต้องผ่าตัด!
3.คนไข้ส่วนมากไม่เข้าใจเรื่องอาการเตือน ซึ่งอาการเหล่านั้นบ่งบอกว่าร่างกายเสียสมดุล มีอวัยวะบางอย่างผิดปกติไปหรือทำงานผิดปกติไปจากเดิม รู้แล้วแต่กลับเพิกเฉยไม่สนใจ จนโรคลุกลามเรื้อรัง จนกลายเป็นโรคที่รักษายาก รักษาไม่หายต้องกินยาตลอดชีวิต หรือเป็นมะเร็ง! อาการเตือนอย่างเช่น ท้องอืดอาหารไม่ย่อย ใจสั่นนอนไม่หลับ มือเท้าเย็น ปวดศีรษะเป็นประจำ ท้องผูก หน้ามืดเป็นลมบ่อยๆ ประจำเดือนมาๆหายๆ หรือมามากผิดปกติ อาการเหล่านี้อาจเพียงแค่ก่อความรำคาญ หรือรบกวนการทำงานแค่นั้น คนส่วนใหญ่จึงเพิกเฉยหรืออดทน หรือซื้อยามากินเอง เพื่อกดอาการเหล่านั้นไว้ แต่ไม่ได้รักษาสาเหตุ อาการจึงเปลี่ยนไป หรือมากขึ้นหรือรุนแรงขึ้น
4.มีวิธีการบำบัดรักษาหลายอย่างที่ไม่ต้องเสียเงิน ไม่ต้องเสี่ยงกับการเอาสารเคมีเข้าตัว ไม่ต้องไปหาหมอ แต่ดูเหมือนวิธีเหล่านี้ไม่ได้รับความนิยมจากคนไข้เลย คนไข้นิยมเข้าร้านขายยาหรือไปหาหมอดีกว่า สะดวกและง่ายกว่า แต่รู้มั้ยว่ามันอาจจะไม่เป็นผลดีกับร่างกายเราในระยะยาว
5.การป้องกันดีกว่าการรักษาเพราะไม่ว่างบประมานเท่าใด หมอมีมากแค่ไหนก็ไม่อาจดูแลรักษาคนไข้ได้อย่างทั่วถึง แนวทางการป้องกัน ระมัดระวัง เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการรักษาตนเอง แต่วิธีนี้กลับเป็นเรื่องหลังๆที่คนสนใจหรือคิดจะปฏิบัติอย่างจริงจัง
พญ.ธมนต์พร ชัยศิริรัตน์